หนังสือการ์ตูนในบ้านเรา -การ์ตูนคอมมิคส์จากญี่ปุ่น? ...จากมุมมองของนักอ่านตัวยง
การ์ตูนคอมมิคส์ญี่ปุ่นนั้น เข้ามาแพร่หลายในบ้านเรา หลังยุคหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเล่มใหญ่ครองตลาด เหตุผลหนึ่งที่ทำให้การ์ตูนญี่ปุ่นกลายร่างจากเล่มใหญ่เป็นเล่มเล็กนั้น มาจากปัจจัยมากมาย
หนึ่งในนั้นคือ ปัญหาทางเศรษฐกิจเรื่องค่ากระดาษ ที่ในเวลานั้น พุ่งพรวด ราคาสูงขึ้น จน สนพ. ต่างๆไม่สามารถจะหยุดยั้งอะไรกับราคาที่สูงขึ้นได้เลย ทาง สนพ. ต่างๆในเวลานั้น จึงพยายามลดหน้ากระดาษ เปลี่ยนกลยุทธในเรื่องของคุณภาพกระดาษ ไปจนถึงการปรับเปลี่ยนขนาดของหนังสือการ์ตูนลง
เมื่อไม่สามารถจะทำอะไรได้นอกจากต้องลดขนาดลงแล้ว หนังสือการ์ตูนเล่มใหญ่ในสมัยนั้น จึงค่อยลดขนาดลงตามๆกันทั้งหมด จนกลายเป็นยุคที่หนังสือการ์ตูนขนาด พ๊อคเก็ตบุ้ค ครองตลาด
สมัยแรก มีหนังสือการ์ตูนทำเล่มเล็กขนาดพ๊อคเก็ตบุ้คหรือขนาด 16 หน้ายก เพียง การ์ตูนไทยเล่มละบาท เพียงเท่านั้น ต่อมาการ์ตูนญี่ปุ่นเริ่มลองตลาดบ้าง ทำเป็นเล่มเล็กแถม แล้วถึงทำขาย ในราคาแรกเริ่มที่ หนึ่งบาท สามบาท และห้าบาทตามลำดับ
ครั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทุกสนพ. เลยพร้อมใจทำ ฉบับพ้อคเก็ตบุ้คกันหมด ยุคใหม่ของการ์ตูนญี่ปุ่นแปลไทยถึงได้เริ่มขึ้น เริ่มแรก จากหนังสือจำพวกเหล่าฮีโร่แปลงร่าง เรื่อยมาจนถึงการ์ตูนประเภทต่างๆ แล้วในทีสุด การ์ตูนพ้อคเก็ตบุ้ค ในราคาเล่มละสิบบาทก็ครองแผงหนังสือการ์ตูนโดยสมบูรณ์
สมัยนั้น การ์ตูนญี่ปุ่นแปลไทย ขายที่เล่มละ 10 บาทรวด และยุคที่เฟื่องฟู ที่สุดยุคหนึ่ง ก็เห็นเป็นช่วงของการ์ตูน โดราเอมอน ที่มองไปทางไหน ก็มีแต่โดราเอมอน เต็มไปหมด สมัยนั้น ยังไม่เรื่องของลิขสิทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกสนพ. จึงพร้อมใจ ผลัก โดราเอมอน ออกมามากมาย และทุกสนพ. ต่างก็มีเรื่องราวที่เหมือนๆกัน จึงซ้ำกันมหาวินาสในสมัยนั้น
แต่ผู้เขียนมีเคล้ดขนาดพ๊อคเก็ตบุ้คอยู่ว่า ตามสนพ.ไหนก็ตามแต่สนพ.นั้นไปตลอด ก็จะไม่มีตอนที่ซ้ำกันเลย สมัยนั้น สนพ.ที่แปลสนุก และออกเร็วมาก ก็คือ ของสนพ. มิตรไมตรี
หลังจากนั้น หนังสือการ์ตูนต่างๆก็เต็มแผง มีทั้งการ์ตูนฮีโร่ การ์ตูนผจญภัย การ์ตูนผู้หญิง การ์ตูนเด็ก และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ยุคนี้เป็นยุคที่ยาวนานที่สุดอีกสมัยหนึ่ง หนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์ ที่เป็นที่นิยมสมัยนั้น ก็มีหลาย สนพ.ที่แข่งขันกัน อาทิ เดอะซีโร่ ของ สนพ.วิบูลย์กิจ เดอะทาเล้นต์ ของ สนพ. มิตรไมตรี
นอกจากนี้ ยังมีหนังสือรายปักษ์ อีกหลายหัว และรายเดือนอีกหลายเล่ม ช่วงนั้นหนังสือการ์ตูนออกมาตีตลาดกันมากมาย
ไม่นานก็ถึงยุคล่มสลายของการ์ตูนที่ไม่มีลิขสิทธิ์ เล่มละ 10 บาท เข้าสู่ยุคของการ์ตูนลิขสิทธิ์ สมัยแรกๆมีก็มีการแย่งชิง ลิขสิทธิ์ และฟ้องร้องกันเรื่อง ไม่มีลิขสิทธิ์มากมาย และระยะนี้เองที่ราคาหนังสือการ์ตูนปรับตัวขึ้นมาก จากราคาสิบบาทเป็น15 20 และ 25 ตามลำดับ
ราคาประคองตัวที่ 25 บาทไม่นานก็ขึ้นราคาเป็น 30 บาท และมีปกสิงชั้น พร้อมด้วยหน้าสี ตามที่ฉบับลิขสิทธิ์ได้กำหนดไว้ จากนั้น ราคาหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นก็ไล่ลำดับขึ้นมาเรื่อยๆ เป็น 40 และ 50 จนถึง 60 บาทเรื่อยมา
จะสังเกตเห็นว่าราคาหนังสือเมื่อขึ้นแล้วจะไม่มีลงอีกเลย และเรื่องราวของการ์ตูนในยุคหลังๆนี้ก็มีหลากหลายมากขึ้น การ์ตูนกีฬา การ์ตูนสงคราม การ์ตูนเฉพาะสาขาอาชีพ การ์ตูนแนวสืบสวนสอบสวน การ์ตูนแนวบู๊ล้างผลาญ แนวฮีโร่ และฮีโร่แปลงร่าง ที่อัพเกรดขึ้น ลายเส้นที่วิจิตรบรรจงมากขึ้น ทั้งเนื้อเรื่องก็ออกแนวผู้ใหญ่ ก็กลับมาในยุคสมัยนี้นี่เอง
ปัจจุบันในบ้านเราหากจะพุดถึงหนังสือการ์ตูน ก็มักจะจำเพาะเจาะจงลงไปเลยว่า เป็นหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นจะมีการ์ตูนจีน และเกาหลี ปนมาก็เพียงไม่มากนัก เพราะผู้อ่านเริ่มต้องการอ่านอะไรที่ไม่ซ้ำซากจำเจ อยากจะการ์ตูนของชาติอื่นๆนอกจากญี่ปุ่นบ้างบ้าน นี่จึงเป็นอีกยุคสมัยหนึ่งที่มีความหลากหลายบนแผงหนังสือ
แต่มาในยุคสมัยนี้ มีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต และมีโลกโซเชียลมีเดีย ที่เป็นทางเลือกที่เพิ่มเข้ามา การ์ตูนที่พิมพ์เป็นหนังสือ หรือพิมพ์บนกระดา จึงค่อยลดน้อยลงอีกครั้ง เพราะคนรุ่นใหม่ เด็กรุ่นใหม่ นิยมเสพ หรือนิยมอ่านการ์ตูน ผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือ ผ่านโลกโซเชียลมีเดียกันมากขึ้น
แม้จะมีคนแย้งว่า อย่างไรเสีย คนที่ชอบอ่านหนังสือการ์ตูนที่พิมพ์บนกระดาษก็ยังมีอยู่อีกมาก แต่กระนั้น ด้วยอะไรๆที่แปรเปลี่ยนไป สังคม ยุคสมัย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่แปลกใหม่ และรวดเร็ว จึงทำให้มีอะไรๆ ให้เด็กๆรุ่นนี้ได้สนุกสนานกันมาก และมากขึ้นกว่าการอ่านหนังสือการ์ตูน หลายเท่าตัวนัก
เมื่อความนิยมอะไรอย่างหนึ่งขึ้นสูงจนถึงขีดสุด ความเสื่อก็ย่อมตามมา หนังสือการ์ตูนก็เช่นเดียวกัน มาวันนี้ แม้จะยังมีคนตามอ่านหนังสือการ์ตูนกันอยู่ แต่ก็น้อยลงเต็มที ทำให้บาง สนพ. ต้องปิดเล่ม หรือปิดไลน์ หนังสือการ์ตูนเล่มที่ไม่สำคัญลงหรือเรื่องไหนสามรรถพิมพ์ให้จบได้ ก็เร่งพิมพ์พรวดๆ ออกมารวดเดียว จบๆไปเลย
ขณะเดียวกันก็มีอีดกหลายเล่ม ที่ปิดตัวไปก่อนที่จะจบ เพราะยอดขายไม่สู้ดีนัก บางเรื่องถึงกับเป็นเรื่องที่ต้องมาถกเถียงกัน แต่ สนพ. ยืนกรานว่าจะไม่มีการพิมพ์ต่อจนจบ เพราะไม่คุ้มกับการลงทุนที่มีแต่เสียกับเสีย นำมาซึ่งความเศร้าใจ สู่นักอ่านที่เป็นนักสะสมอย่างยิ่ง
มาวันนี้ หนังสือการ์ตูนคอมมิค บางเล่ม หรือหลายเล่ม ได้กลายเป็นหนังสือ แนวเรทโทรย้อนยุค หรือกลายเป็นของมีค่าหายากไปแล้ว บางเล่มพิมพ์แค่ครั้งเดียวแล้วก็ไม่มีการพิมพ์อีก จึงหายากมาก ราคาก็แพงตามความหายากไปด้วย
บางเล่มสมัยหนึ่ง เป็นหนังสือนอกสายตา ปกเขียนไม่สวย สนพ.โนเนม พิมพ์ห่วย มาสมัยนี้กลายเป็นของแรย์ ของหายาก ราคาขึ้นสูงกว่าราคาที่ปก เป็นสิบเท่า ร้อยเท่าก็มี ยุคสมัยเปลี่ยนไป ค่าความนิยมของผู้คนก็พลอยเปลี่ยนตามไปด้วย นักอ่านบางคน หันมาสะสมหนังสือการ์ตูนที่ยุคสมัยหนึ่ง ไม่มีคนสนใจก็มี
บางรายถึงกับตามหา หนังสือการตูนรายสัปดาห์ ดดยสะสมให้ครบทุกฉบับก็มีมาก มีการตามหา การโพสต์ ขายตามเพจต่างๆ ตามเวปไซด์มากมาย บางทีเมื่อถึงเวลาที่หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นแปลไทย บนแผงหนังสือที่ครองตลาดมาอย่างยาวนานกว่าสามสิบปี ปิดตัวลงทุกสนพ.พร้อมๆกัน เมื่อนั้น หนังสือเล่มต่างๆที่มีในครอบครองของนักสะสม อาจจะมีค่ามากมาย กลายเป็นทองคำ ในอีกยุคสมัยหนึ่งก็เป็นได้ ใครจะรู้
ดังนั้นในยุคนี้ ที่ยังพอจะตามหา ตามซื้อหนังสือเก่าๆบางเรื่อง บางเล่ม เก็บไว้ได้ ในราคาที่ไม่แพงมากมายจนเกินไปนัก หากพอหาได้ ก็เก็บเอาไว้เถิดครับ วันหนึ่งข้างหน้ามันอาจจะมีค่ากว่าที่คุณจะรู้ก็เป็นได้