สวัสดีทุกท่านค่ะ สัปดาห์นี้แอดมินจะคุยเรื่องของธุรกิจอีกเช่นเคย เป็นเรื่องที่แอดมินติดทุกท่านไว้ตั้งแต่บทความแรก ...เป็นเรื่องที่หลายคนไม่ชอบ ไม่อยากรู้ ไม่เห็นจะเกี่ยวข้อง แต่จริงๆแล้ว มันเกี่ยวกับทุกคนโดยเฉพาะคนที่มี "เป้าหมาย" ว่าอยากเป็น "เจ้าของกิจการ" หรือมี "ธุรกิจส่วนตัว" นั่นก็คือเรื่องของ"การเงิน" นั่นเอง
ช่วงปีนี้ทั้งปี แอดมินได้รับ sms โปรโมชั่นจากร้านค้าต่างๆ บ่อยกว่าแต่ก่อนมาก และ บางครั้งกิมมิคที่นำมาใช้ก็เรียกว่าอะไรที่เคยได้ผล ก็นำมาเล่นกันอีก บางครั้งเคยใช้โปรฯนี้ในช่วงใดช่วงหนึ่ง ก็สามารถนำกลับมาย้อนยุคได้อีก...ผลประโยชน์แก่ลูกค้าล้วนๆเลย ชอบค่ะ ชอบ
หากเราต้องการกระตุ้นยอดขายสินค้าของเรา สิ่งแรกที่บางคนนึกถึง คือ "ลดราคา" ไม่ว่าจะใข้ชื่อเรียก "โปรโมชั่น" นั้นว่าอะไรก็ตาม แต่สรุปแล้ว มันคือ ลดราคา เพราะเราเชื่อว่า ราคาถูก คนจะซื้อมากขึ้น แต่ต้อง "ลดราคา" เท่าไรล่ะ ถึงจะพอดี ถูกใจทั้ง "ลูกค้า"และ"เจ้าของกิจการ"
ทุกท่านที่ทำกิจการค้าใดๆ ย่อมต้องการรายได้ มิใช่ทำการกุศล นั่นหมายถึงขายของต้องมีกำไร เพราะราคาสินค้าที่ตั้งขายจะมาจากหลายส่วนประกอบกันตั้งแต่ ค่าสินค้าเอง ค่าหีบห่อ ค่าขนส่ง ค่าการจัดการ และอื่นๆ **รวมถึงเงินเดือนคนทำงานด้วนนะ ถ้าเราทำ เราก็ควรจะได้ค่าแรงใช่หรือไม่ หรือหลายคนบอกว่า "ชั้นทำเป็นงานอดิเรก เงินเดือนชั้นเหลือเฟือจนใช้ไม่ไหวแล้ว" ก็ว่ากันไป แต่หากเราหรือบริษัทเราทำธุรกิจแล้ว นั่นย่อมหมายถึงเค้าคาดหวังรายได้หรือกำไร นั่นเอง
ทีนี้หากจะคิดว่า ก็เศรษฐกิจแบบนี้ คนไม่ค่อยใช้จ่าย เราต้องการกระตุ้นให้คนมาซื้อของร้านเรา เราก็เลยลดราคา เอาแค่แตะทุน **มันจะคุยกันไม่รู้เรื่องก็ตรงนี้แหละ คำว่า "ทุน" ของแต่ละคน หมายถึงสิ่งเดียวกันมั้ย
อย่างที่เรียนทุกท่านมาตั้งแต่ต้นคือ การเงินและบัญชีนั้นเป็นถนนหรือเป็นไกด์ในการเดินทางบริหารจัดการธุรกิจของเรา ไม่ว่ามันจะเล็กแค่ไหน แต่หากเราไม่รู้ว่าจะขายเท่าไร นั่นคือไม่มีเป้าหมาย ไม่รู้ว่าต้นทุนเท่าไร นั่นน่าเป็นห่วง และไม่รู้ว่าต้นทุนนั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง นั่นก็น่ากังวล แต่แอดมินเชื่อว่า หลายๆท่านทราบว่า ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
เรื่องของ การเงิน และ บัญชี โดยส่วนตัวแอดมินเองก็ไม่รู้สึกชอบแต่หากเราจำเป็นต้องเกี่ยวข้องหรือมีความรับผิดชอบกับมันก็เลยต้องเข้าใจเอาไว้บ้าง
ตอนปลายๆปี บริษัทมักให้เราวางแผนการใช้เงินของปีหน้า หรือเรียกว่าทำ BUDGET หรือบางบริษัทก็วางแผนระยะยาวเอาไว้เลยแล้วมาปรับกันเป็นรายปีอีกที วางกันทั้งรายจ่ายและรายได้ คงจะไม่มีใคร หรือบริษัทไหน ที่ตั้ง รายได้ ให้ต่ำกว่า ค่าใช้จ่าย และนอกเหนือไปจากนั้น หากเราขายของแบบฝากขายหรืออะไรก็ตามที่มีระยะเวลาเก็บเงินที่เรียกว่า CREDIT TERM นั้นนานแสนนาน หรือ เก็บได้บ้างไม่ได้บ้าง อาจต้องมองลู่ทางหาเงินมาหมุน หรือเริ่มวางแผนพัฒนา กระแสเงินสด กันใหม่
วันนี้แอดมินมีหนังสือมาแนะนำกันอีกค่ะ สำหรับท่าน เจ้าของธุรกิจ มือใหม่ หรือท่านที่ต้องการจะรีเฟรชตัวเอง หรือบางท่านอยากซื้อหุ้น ก็อาจได้ประโยชน์จากการทราบผลประกอบการของบริษัทนั้นๆเพื่อพพิจารณาก็ได้นะคะ
1. RICH DAD POOR DAD ทำไมแนะนำเล่มนี้ เพราะว่าไอเดียโดยรวมของผู้เขียนคือคุณ ROBERT T. KIYOSAKI นั้นกว้าง และได้กล่าวถึงเรื่องเงินๆทองๆเอาไว้รวมกับเรื่องเล่าแนวคิดทางการเงนแบบไม่รู้ตัวว่ากำลังอ่านเรื่องการเงิน
2. อ่านงบการเงินให้เป็น โดย ดร. อาภร เอกอรรถพร
3. MANAGERIAL ACCOUNTING โดย อ.ไพบูลย์ ผจงวงศ์
4. MANAGERIAL FINANCE โดย อ. ธนัชฌา ศิวโมกษธรรม
5.THE ORACLE SPEAK ของคุณ วอร์เร็น บัฟเฟตต์ ที่มีอะไรมากกว่าคำว่า การลงทุนในหุ้น
6. เทคนิคการบริหารเงินทุนหมุนเวียน โดย เรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์
7. การทำงบประมาณใน 1 สัปดาห์ โดย มัลคอล์ม ซีเครตต์
8. งบการเงินสำหรับผู้ที่ไม่ได้จบบัญชีมาก่อน โดย James O.Gill
9. การบริหารธุรกิจด้วยแนวคิดทางบัญชี โดย ยรรยงค์ ธรรมธัชอารี
10. รู้ทันทุกภาษี ชีวิตดี เงืนเหลือ โดย ธีรวุฒิ ปัญญา
11. ลดภาษี ทำได้ไม่ยาก โดย กฤษณา บุญปลูก
วันนี้ 11 เล่มที่แนะนำ แต่ละเล่มล้วนเป็นเรื่องราวที่เป็นประโยช์สำหรับท่านที่มองหาภาพกว้างๆเพื่อบริหารจัดการการเงินในองค์กรของตนเองนะคะ แต่งานโดยตรงนั้นมักเป็นหน้าที่ของแผนกบัญชีมากกว่า แต่ในฐานะที่เราเป็นเจ้าของเงินลงทุน เราก็อาจจะอยากรู้ทิศทางของการเข้าหรือออกของเงินที่ควรจะเป็นของเรา จริงมั้ยคะ..ขอให้สนุกกับรายได้ที่มากขึ้นนะคะ😊