ยามเย็นที่อากาศดี๊ดี แม่กระดังงา แม่กระหังของเจ้ากะหล่ำมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นวี่แววของลูกจากเบิร์ดอายวิวแบบนี้ นางร้อนใจ ในขณะที่พ่อกระหึ่มผู้เป็นพ่อของเจ้ากะหล่ำที่เพิ่งเลิกงานมาก็ตามออกมาปลอบโยนนางด้วยความเข้าใจทั้งสองฝ่าย
"แม่หัง เดี๋ยวมันก็มา ไม่ต้องห่วงมันหรอก หากมีปัญหา มันก็เรียกเราแล้วล่ะ นี่คงเพลินกับเพื่อนใหม่ เห็นว่าเทอมนี้มีเด็กใหม่ย้ายมาเยอะ" พ่อกระหึ่มว่า ขณะที่ปีนหลังคาโผล่ไปแอบดูแม่กระดังงา
แม่กระหังยังคงมองไปฟากฟ้าเบื้องหน้าอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าจะเชื่อมั่นว่าลูกปลอดภัย แต่ก็นะ มันเป็นห่วงอ่ะ
"นั่นๆ พ่อหัง มาแระ ขาน้อยๆโผล่มาตรงนั้น แม่กระดังงาว่าอย่างตื่นเต้น" ในขณะที่เจ้ากระหังน้อยโผบินมาบนฟ้าในระยะสายตาที่แสนห่วงใยของผู้เป็นแม่
"สวัสดีคร๊าบบบบ พ่อคับ แม่คับ" เสียงเจ้ากะหล่ำดังทักทายมาแต่ไกล ก่อนที่จะโผลงจอดที่สนามหญ้าหน้าบ้าน
"หนูมีเรื่องจะถามพ่อกับแม่เยอะเลย รีบลงมาฮะ"
"หนูเจอเด็กแฝดกระสิอ ผีนางรำ เปรตเด็ก และเพื่อนใหม่ๆเยอะเลยตอนประชุมนักเรียนฮะ ..."
"แม่ว่าไปอาบน้ำก่อนดีมั้ย เดี๋ยวค่อยมาคุยกันที่โต๊ะกินข้าว" แม่กระดังงาที่โผลงมาจากหลังคารีบขัดขึ้น เมื่อรู้สึกว่าวันนี้คงต้องตอบคำถามเด็กน้อยอีกมากมาย
ที่โต๊ะกินข้าว ทั้ง3คน พ่อแม่ลูก ทาน อาหารกันไป คุยกันไป และทุกคนต่างก็ได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆไปพร้อมๆกัน
"เด็กแฝดกระสือ เหมือนผีกระสือที่เมืองมนุษย์อย่างที่เค้าว่ากันเลยฮะแม่ ตอนอยู่โรงเรียนก็ใส่ชุดนักเรียนเหมือนพวกเรา แต่ว่าพอโรงเรียนเลิกก็ลอยกลับบ้านฮะ หนูชวนมาบ้านด้วย แค่เค้าบอกว่ายังไม่ได้ขออนุญาตพ่อกับแม่ วันหลังค่อยนัดกันใหม่ วันหลังหนูจะพาเค้ามาบ้านเรานะฮะ"
เจ้ากระหล่ำร่ายยาวอย่างตื่นเต้น ไม่เพียงเด็กกระสือ แค่ยังมีเด็กเปรต ที่เค้าแวะไปคุยกันที่ร้านชานมไข่มุก เค้าบอกว่า
"คุณป้าที่ขายชาไข่มุกเป็นผลไม้ด้วยล่ะฮะ เค้ามีขั้วผลไม้บนหัวด้วย แล้วลูกเค้าที่เป็นผลไม้เหมือนกันก็หลับห้อยอยู่กับต้นไม้ฮะ"
พ่อกระหึ่มปล่อยให้เค้าเล่าอย่างตื่นเต้น ก่อนจะพูดขึ้นว่า
"มีพวกเราหลายเผ่าพันธุ์เคยเข้าออกเมืองมนุษย์ได้ง่ายๆเมื่อนานมาแล้ว แต่ที่นั่นมันอันตรายสำหรับเผ่าพันธุ์อื่น ทำให้ส่วนมากที่ไม่ย้ายกลับมาที่นี่ก็จะล้มหายตายจากไปกันมากแล้ว แต่มนุษย์ก็ยังคิดเอาเองว่าสิ่งที่เห็นเป็นพวกเรา" พ่อว่า
" อย่างกับกระสือนั่นไง บางทีมนุษย์เห็นแค่ดวงไฟ หรือลูกไฟอะไรในเวลากลางคืนก็ทึกทักเอาว่าเป็นกระสือ" แม่กระดังงาเสริม
"บางทีลมพัดต้นไม้สูงๆก็เข้าใจว่าเป็นเปรตนะ"
"มนุษย์ไม่รู้จักพวกเราจริงๆหรอก พวกเราน่ะ มีความสามารถหลายอย่างมากกว่าที่พวกเค้าคิด และเป็นสายพันธุ์ที่พัฒนากันได้มาก แต่มนุษย์ไม่เคยยอมรับ บางพวกก็พยายามจะควบคุมพวกเรา"
"อย่างพวกนางรำ จริงๆแล้วไม่มีร่างกายนะ พวกนี้มีแต่จิต อาศัยว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดนตรี การฟ้อนรำ สมัยอยู่เมืองมนุษย์ก็จะอาศัยร่างมนุษย์ที่สนิทๆกัน แต่ก็ช่วยให้คนๆนั้นมีความสามารถ แต่เมื่อนนุษย์คนนั้นตายไป พวกเค้าก็ต้องหาพันธมิตรใหม่ ซึ่งนับวันจะหายากมากขึ้น แต่ในโลกนี้ ทุกคนจะมองเห็นกันได้แม้จะเป็นดวงจิต แต่เค้าก็ถือรูปแบบที่คุ้นเคยกันมา แสดงตัวแบบที่คุ้นเคย"
"แต่พวกเราที่อยู่เมืองมนุษย์จะยังมีอีกมั้ยคับ แล้วเราสู้มนุษย์ได้มั้ย ถ้าเราโดนรังแก แล้วพวกเราจะกลับไปเมืองมนุษย์ได้อีกมั้ยคับ หรือว่าจะแวะไปหาเพื่อนๆบ้าง มนุษย์ดีๆก็มีนะฮะ"
"ถามยาวเลยแฮะ พ่อจะตอบให้หมดละกัน เอาเป็นว่า อาจจะยังคงมีอยู่บ้างล่ะนะ ที่เราไม่รู้ และพวกเราก็เหมือนมนุษย์ มีทั้งดีและไม่ดี สู้ได้มั้ย ถ้าเราต่างคนต่างอยู่ก็ไม่ต้องสู้อะไรกันนะ ส่วนจะไปมาหาสู่กันก็ทำได้นะ แต่อาจไม่ปลอดภัย ซึ่งพ่อขอห้ามเด็ดขาด ไม่ให้ไปโลกมนุษย์ตามลำพัง" พ่อพูดพลางทำท่าทางขึงขัง
"แต่แม่ว่า ตอนนี้มันได้เวลาทำการบ้านแล้วมั๊งนะ เสร็จแล้วจะได้รีบนอน พรุ่งนี้ไปโรงเรียนนะ จะได้ไม่ตื่นสาย"
เจ้ากะหล่ำรีบรวบช้อนส้อมและเก็บจานเมื่อทานอาหารเสร็จ เค้าคลายความสงสัยไปได้บ้าง แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ
เค้ากลับเข้าห้องไปทำการบ้าน ก่อนจะเข้านอนตามปกติ
คืนนั้น...